Saturday, July 19, 2008

นิทานธรรม เรื่อง ชีวิตของอ๋อง


นิทานธรรม

เรื่อง ชีวิตของอ๋อง




อ๋องเป็นชายตัวเล็ก ๆ เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่เป็นชาวนามีลูกหลายคน ซึ่งพี่น้องทุกคนของอ๋องจะถูกส่งไปอยู่กับหลวงตาที่วัด เพื่อช่วยปฏิบัติงานให้พระและสามเณร และอาศัยเรียนหนังสือในตอนกลางวัน แรก ๆ ทุกคนรู้สึกเหงามากที่ต้องจากพ่อแม่มาอยู่วัด ทุกคนเข้าใจว่าพ่อแม่ไม่อยากจะเป็นภาระคงจะมาส่งแล้วทิ้งไปเลย พี่น้องของอ๋องพอมาอยู่วัดก็รู้จักผู้คนอื่น ๆ อีกมากมาย พี่อู๊ด พี่ตนโตกระทำตัวเป็นหัวโจก ไปรวมตัวกับเด็กวัดเก่า ๆ ทำตัวเกเร เรียนแค่พอให้ผ่าน ๆ ไปเท่านั้นเอง ไม่มีความรู้ที่ถ่องแท้ ความชำนิชำนาญอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่มี เรียนจบพาณิชย์มาไปทำงานกับนายจ้าง ได้ไม่ทันไรก็ถูกไล่ออกเพราะไม่ตั้งใจทำงาน มาทำงานก็มาสาย เวลาทำงานก็อู้งาน ในที่สุดก็ต้องไปใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากอยู่ที่บ้านเกิด


ส่วนพี่ชายของอ๋องคนที่สองชื่อ พี่ต่าย คนนี้เป็นความหวังของที่บ้านมากเพราะเป็นคนสติปัญญาดี บุคลิกก็ดี ใคร ๆ เห็นก็นิยมชมชอบรักใคร่เอ็นดู เป็นคนที่เรียนหนังสือเก่งที่สุดในบ้านจนได้ทุนมาเล่าเรียนต่อที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถสมัครได้งานทำที่ธนาคารแห่งหนึ่ง หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้ามาตามลำดับ จนสามารถสร้างครอบครัวที่มั่นคงมีฐานะ แต่ไม่รู้ว่าโชคร้าย เป็นเวรกรรม หรือเขาทำตัวเอง เขาเข้าไปเล่นพนันฟุตบอลในอินเตอร์เนท เล่นแรก ๆ เขาได้กำไรมาก ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมเล่นครั้งละมาก ๆ แต่แล้วในที่สุดเขาถูกการพนันเผาผลาญทรัพย์สินที่สร้างมาจนหมดตัว ต้องขายบ้านช่อง ทำให้ลูกเมียต้องตกระกำลำบาก เขาจึงหาวิธีที่จะนำเงินมาทดแทนหนี้สินที่มีอยู่มากมาย ด้วยวิธีการคดโกงเงินจากธนาคารที่เขาทำอยู่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของทางธนาคารตรวจพบการทุจริตของพี่ต่าย ทางธนาคารก็ได้ให้โอกาสที่จะไห้นำเงินส่วนที่หายไปมาคืน แต่ปรากฏว่าพี่ต่ายไม่สามารถหามาได้เพราะไม่มีใครเชื่อถือให้ยืมเงินอีกต่อไป ลูกเมียก็หนีไปอยู่ที่อื่น สุดท้ายพี่ต่ายรู้สึกท้อแท้หมดหวังในชีวิตหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ ตัดสินใจด้วยวิธีการปล้นธนาคารที่ตัวเองทำอยู่ แต่ก็หนีไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ ต้องไปชดใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในคุก


ส่วนเจ้าอ๋องน้องคนเล็กก็ถูกส่งมาอยู่วัดตามพี่ ๆ เหมือนกัน มาใหม่ ๆ ก็ถูกเพื่อนและรุ่นพี่กลั่นแกล้งเพราะอ๋องเป็นเด็กใหม่และตัวเล็กกว่าเขาเพื่อน แรก ๆ อ๋องคิดอยากหนีกลับบ้าน เดี๋ยวก็ร้องไห้ ๆ แต่ไม่มีสตางค์ค่ารถกลับบ้าน และอ๋องก็คิดขึ้นมาได้ว่าพ่อแม่เคยสอนไว้ว่า “บ้านเรายากจน ถ้าอยู่กับพ่อแม่ก็อดมื้อกินมื้อ อนาคตก็มองไม่เห็นเพราะพ่อแม่ไม่มีเงินจะส่งให้เรียน โอกาสเดียวที่จะได้เรียนมีการศึกษา ก็คือมาอยู่วัดกับหลวงตา อาศัยข้าวกิน และได้เรียนหนังสือฟรี” เมื่อนึกถึงคำพูดของพ่อแม่ที่สั่งสอนไว้ก่อนมาอยู่กับหลวงตา อ๋องจึงได้อดทน และเพียรพยายามตั้งหน้าตั้งตาเรียนทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ เวลาว่าง ๆ ก็ทบทวนดูหนังสือ จนกระทั่งผลการเรียนของอ๋องดีขึ้นเรื่อย ๆ พอจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก็มาสอบเรียนต่อมัธยมปลายที่กรุงเทพ ฯ ได้ จนได้รับทุนเรียนดีแต่ยากจน แต่อ๋องไม่ใช่เด็กที่ได้ดีแล้วลืมตัว เขาพยายามช่วยงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ และหมั่นทบทวนหนังสือตำรับตำราอยู่เสมอจนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และเลือกเรียนวิชาและคณะที่เขาต้องการและถนัดเขาสามารถหารายได้ด้วยการสอนพิเศษให้กับรุ่นน้อง และส่งเงินไปช่วยเหลือเจือจุนครอบครัวได้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่จบมหาวิทยาลัยเลย ถามว่า “อ๋องเหนื่อยไหม” ตอบว่า “ไม่เหนื่อย” เพราะสิ่งที่อ๋องทำเป็นสิ่งที่ชอบและสุจริต และเขาก็มีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้ทำในสิ่งที่ดีและควรจะกระทำ


จากชีวิตของพี่น้องทั้งสามคนนี้ เราจะได้แง่คิดหลักธรรมที่นำมาใช้กับชีวิตจริงได้เสมอไม่ว่ายุคสมัยไหน


- หัวดีแต่ขี้เกียจก็ไม่เจริญก้าวหน้า
- ชีวิตของเราตัวเราเป็นคนกำหนด
- การพนันเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ
- ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
- ความกตัญญูกตเวทีเป็นสิ่งประเสริฐที่ทุกคนพึงจะกระทำ


แต่งนิทาธรรมโดย 5-834